180 days before we break up | บทที่ ๑ ก่อนวิวาห์อาละวาด




180 days before we break up #วาดหัวใจเขียนรัก
บทที่ ๑ ก่อนวิวาห์อาละวาด



ได้โปรดข้าขอร้อง นะ แต่งงานกันนะลู่หาน

สำหรับลู่หานแล้วนั่นช่างเป็นประโยคขอแต่งงานที่ห่วยแตกสิ้นดี

พู่กันด้ามแพงของดีจากเหนือถูกหักคามือจนขาดวิ่นเป็นสองท่อนซ้ำยังน่าสงสารถูกเจ้าของอย่างลู่หานขว้างไปไกลจนตกน้ำดังต๋อมไม่คิดเสียดายเงินอีกต่างหาก รอบข้างล้วนมีแต่เรื่องจรรโลงใจทั้งสิ้นแต่หาได้ช่วยดับไฟที่ปะทุจนไหม้จากเมื่อหลายวันก่อนให้ทุเลาลงไม่

โชคดีเหลือเกินที่วันนี้ไม่มีนักเรียนมาวาดรูปอย่างเช่นทุกวันไม่อย่างนั้นลู่หานคงตอบไม่หวาดไหวว่าเหตุใดถึงได้ทำหน้าราวกับแบกโลกเอาไว้ทั้งใบเช่นนี้ ทั่วเรือนกว้างของโรงเรียนสอนวิชาวาดรูปเลื่องชื่อในเมืองหลวงถึงได้มีเพียงตนกับเด็กรับใช้และอาจารย์ที่อีกไม่กี่ท่านที่อยู่ด้านในเรือนเท่านั้น

เจ้าสายลมเอื่อยโชยพัดเข้าหน้าเป็นวินาทีเดียวกันที่ลู่หานหลับตาวางทุกสิ่งให้คลายลง สวรรค์ช่างกลั่นแกล้งกันนักถึงได้ส่งใบหน้าของเจ้าเพื่อนยากที่ตัวโตเป็นยักษ์แต่สมองเท่านิ้วก้อยให้โผล่มารบกวนใจกันอีกหน ย้ำชัดถึงเรื่องที่ยังคงสร้างความปั่นป่วนในหัวไม่ได้น้อยลงเลยแม้แต่น้อย

แต่งงาน ถูกแล้ว เจ้านั่นวอนขอกันดื้อๆ ว่าอยากให้ลู่หานช่วยสักหน่อย เพียงแค่ยอมทำตัวเป็น ‘เจ้าสาวจำแลง’ ให้สักนิด ดีหน่อยตรงไม่ต้องแต่งกายเป็นหญิงสาวให้ใครเขาหัวร่อ แต่ช่วยเล่นบทบาทเมียจนกว่าแม่จะยอมลามือไม่คิดหิ้วสาวบ้านใดใส่พานมาถวาย หากว่าลู่หานตกลงรับปากยอมช่วยเขาก็บ้าเต็มแก่แล้ว!

ส่วนคนที่บ้าก่อนคนแรกจะเป็นใครหากไม่ชะ

“มีเรื่องหนักใจขนาดทำให้เจ้าหักพู่กันแล้วโยนทิ้งเลยหรือ?”

รอดตัวไปถึงได้ไม่โดนลู่หานคาดโทษในใจ ลู่หานลืมตาพลันก่อนมุ่ยหน้าตอบพร้อมเรียกเสียงค่อย ขยับตัวเว้นที่ว่างให้คนมาใหม่นั่งข้างกัน ปล่อยให้เสื้อผ้าเนียบกริบเนื้อดีโชยกลิ่นหอม ออกจะยิ้มรับไม่เบายามอีกฝ่ายชะโงกหน้าเข้าหาพลางเลิกคิ้วคล้ายถามซ้ำ

“ศิษย์พี่

“หนักใจมากเลยหรือ ด้ามนั้นข้าอุตส่าห์ซื้อมาฝาก นั่งม้าเสียจนก้นระบมเจ้ายังขว้างลงคอ” พู่ชานเลี่ย แกล้งพูด หัวเราะเสียงเบาก่อนเอนตัวเท้าแขนรับลมรอฟังเงียบๆ แว่วเสียงได้ยินฝีเท้าม้าดังกุกกักน่าดูตรงประตู ไม่ทันได้พูดอะไรต่อก็แกล้งพูดขึ้นเย้าถาม “สงสัยจะมีคนรีบร้อนมาหาเจ้าแน่ๆ เลยลู่หาน ข้าขอเดาว่าคงไม่พ้นเป็นซื่อชะ...”

“ช่วยบอกเจ้านั่นทีเถิดศิษย์พี่ว่าข้าไม่อยู่!” ไม่ได้ ไม่ไหว ลู่หานจะยอมอยู่ให้ซื่อชวินเซ้าซี้จนปวดหัวอีกรอบไม่ได้ตั้งท่าไหวก็ถกชุดลุกขึ้นเตรียมหันหลัง ฝากฟังคำพูดราวกับจะไปไกลแต่จริงๆ แล้วลู่หานแค่อยากหลบหน้าไอ้ทึ่มเพื่อนยากแซ่อู๋เท่านั้นหรอก“เขาคงซ้อมมากไปแน่ถึงได้ไร้สติชอบพูดจาไม่รู้เรื่องนัก หากเขาถามถึงข้าท่านก็ช่วยโบ้ยตอบไปไปว่าข้าไม่อยู่หรือเราไม่ได้คุยกันเถิด ข้าขอตัวก่อนนะศิษย์พี่!

“เดี๋ยวก่อนสิเจ้าจะรีบไปไหน ลู่หานลู่หาน!

ตายทิ้งให้พู่ชานเลี่ยบากหน้ารับแขกหน้าตูมคนเดียวมันแสบนัก

คนมีศักดิ์เป็นถึงศิษย์พี่ที่นับถือยิ้มแหย ครุ่นคิดหนักหาข้อแก้ตัวให้น้องรักจนหัวจวนจะระเบิดขณะอู๋ซื่อชวินก้าวเท้าฉับเดินเร็วเข้ามาหา หลายปีก่อนเคยตัวสูงอย่างไรวันนี้เห็นทีจะสูงกว่า ยังคงชอบสวมอาภรณ์สีเข้มไม่ต่าง ใบหน้าติดจะยุ่งเหลือเกินเห็นทีจะหนีพ้นเพื่อนสนิทอย่างลู่หานที่เป็นต้นเหตุ

ก็เห็นจะเป็นสาเหตุเดียวที่ทำได้เสียด้วย

หยุดตรงหน้าได้ก็ค้อมหัวเคารพพอเป็นพิธีให้คนแก่กว่าไม่กี่ปี ซื่อชวินตีหน้ายุ่ง เขาชะเง้อคอมองหาคนที่อยากพบแต่ไม่เห็นแม้แต่เงา ทว่าเมื่อครู่ซื่อชวินหาได้ตาฝาดไม่ เขาถามเด็กรับใช้ที่บ้านลู่หานมาก่อนแล้วเถิดถึงได้รู้ว่าเจ้านั่นแอบมาหลบที่นี่ตั้งแต่เช้า แถมยังแอบเห็นหลังไวๆ อยู่ด้วยซ้ำแต่จับไม่ยักทัน

ร้อนในอกถูกสุมในใจมันถึงได้โพล่งปากถามเอาดื้อๆ แบบนี้ไงเล่า

“ข้ามาหาลู่หาน ท่านเห็นเขาบ้างหรือไม่เล่า เมื่อกี้ข้าเห็นเหมือนท่านคุยกับใครอยู่สักคน ไม่ใช่เขาหรือ?” ซื่อชวินถามรวดเดียวไม่หยุดพัก คนมีตำแหน่งเป็นหัวหน้าองครักษ์ในรั้ววังร้อนใจนัก หากขยี้หัวแล้วไม่หมดมาดเขาก็อยากจะทำอยู่หรอก “ว่าไงเล่า เขาไม่อยู่จริงๆ รึ?”

พู่ชานเลี่ยลอบกลืนน้ำลาย ตีหน้าซื่อว่าความเท็จ

“เมื่อครู่ข้าคุยกับเด็กๆ ที่มาฝึกวาดรูป วันนี้ยังไม่ได้เจอลู่หานเลยด้วยซ้ำ” โกหกแล้วใช่ เขาโกหกลูกใหญ่เชียว ชานเลี่ยลุกขึ้น ทำทีจะเดินบิดตัวแก้เมื่อยแล้วรีบตั้งท่าหนี “เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าข้ามีงานทำต้องทำให้เสร็จ เจ้าก็ลองเดินหาเอาแล้วกันถ้าเด็กรับใช้บ้านสกุลลู่บอกว่าลู่หานอยู่นี่ก็คงไปแอบอยู่สักที่นั่นแหละ”

“เดี๋ยวก่อนสิ นั่นท่านจะรีบไปไหน?! คิดหนีเหมือนกันทั้งพี่และน้องได้หรือ!

คิดจะเดินไปคว้าแขนแล้วดื้อดึงถามเอาคำตอบก็ไม่ใช่นิสัย ซื่อชวินเท้าเอว เขากลอกตาหน่ายขนาดว่าดอกไม้ใดรอบโรงเรียนก็ไม่ช่วยให้สดชื่นเท่าการหาลู่หานเจอแล้วในเวลานี้ สี่วันก่อนหนีหน้าแถมถีบจนล้มเข่าพับว่าน่าหงุดหงิดแล้ว ย่างเข้าวันที่ห้ายังหลบหน้าไม่น่าจับมาฟาดบ้างหรืออย่างไร

ใช่ น่าฟาดนัก! แต่จับตัวได้คนจะฟาดกลับไม่กล้าน่ะสิ

ซื่อชวินเริ่มคล้ายคนวัยทองเข้าไปทุกขณะแล้ว เขาสอดสายตารอบด้าน เดินจ้ำอ้าวไม่รู้ทิศไปเรื่อยพาลนึกไปเพียงเรื่องเดียวว่าลู่หานจะไปอยู่ที่ไหน สำคัญเลยคือเขาไม่คิดว่าตนจะตาฟาด กิตติศัพท์เลื่องชื่อเรื่องหูตาไวน่ะไม่ได้ได้มาเพราะโชคช่วย ไอ้ที่ลู่หานชอบกรอกหูว่าทึ่มเขายังค้านในใจบ่อยๆ ว่าไม่

ทว่าเดินจนครบทุกซอกทุกมุมแล้วกลับไม่พบผู้ใด เหลือก็เพียงแต่ประตูหลังที่ทะลุออกไปยังถนนเส้นเล็กเชื่อมต่อกับสะพานไม้ขนาดกลางข้ามแม่น้ำสายหนึ่งที่โอบรอบเมือง ซนนัก จับได้ถึงจะไม่กล้าถีบกลับ แต่สัญญาเลยเถอะว่าวันนี้ต้องจับให้ทันแล้วคาดคั้นเอาคำตอบให้ได้!

ใช่อย่าให้จับได้ เพราะเวลานี้ซื่อชวินเห็นชายผ้าวับแวมคุ้นตาแล้วน่ะสิ

ย่างสามขุม ทำตัวเบาราวกับนุ่น ไม่ประวิงเวลาซ้ำยังว่องไวผิดกับยามอยู่ต่อหน้าลู่หานราวกับคนละคน เขารุดหน้าไม่ปล่อยให้ ‘เจ้าตัวเล็ก’ เพื่อนยากหนีไปได้ไกลกว่านี้ ไม่ยอมให้ลู่หานหันซ้ายขวาคิดเลือกทางใดตีตัวห่างหรือหลบหน้าก็กระโจนเข้าหาแล้วกระชากข้อมือให้หันมามองกันแล้ว

“ออะ ซื่อชวิน! ไม่ใช่ว่ากลับไปแล้วหรือ!

ลู่หานหน้าตื่นผลุบตามองข้อมือที่ถูกซื่อชวินจับไว้แน่นไม่มีคลายแรงแล้วทำได้แค่ขมวดคิ้ว เรื่องที่เคยคิดจะหาทางหนีเลี่ยงไม่พบหน้าพลันหายจากหัวไปหมด ตลอดระยะเวลาหลายปีที่เป็นเพื่อนกันมาลู่หานเรียนรู้จนจำฝังหัวว่าการคิดหนีซื่อชวินหลังจากถูกจับไต๋ได้อยู่หมัดคือทางเลือกสุดท้ายที่ควรทำ

ร่างเล็กมุ่ยหน้าอีกหน เตรียมจะอ้าปากง้างมือแล้วด้วยเถิดแต่ไม่ทันซื่อชวินที่พ่นคำใส่หน้าจังๆ

“อย่าได้คิดจะทุบข้าเด็ดขาด” องครักษ์หนุ่มเตือนเสียงเข้ม เขายกนิ้วชี้เป็นเชิงปรามว่าหากคิดจะทำร้ายกันล่ะก็อู๋ซื่อชวินจะไม่ยอมให้เจ้าทุ่มแรงใส่แล้วแกล้งร้องโอ๊ยเป็นเด็กแน่ๆ “หนีหน้ากันสนุกนักหรือ คำตอบก็ไม่มีให้ข้าฟังสักคำ หลายวันก่อนจะฟาดกันอย่างไรเจอหน้ากันวันนี้เจ้าก็จะฟาดข้าอีก”

“แล้วมันน่าฟาดเจ้าไหมเล่า!

“น่าไม่น่าเจ้าก็เตะข้าซะจนล้มกับพื้นแล้วกันลู่หาน”

“กก็ ปฏิเสธไม่ได้เพราะเป็นเรื่องจริงนี่สิ “แล้วเจ้ายอมอยู่เฉยให้ข้าเตะทำไมเล่า

ลู่หานเบือนหน้าหนี บอกแล้วอย่างไรเล่าว่ามาถึงตอนนี้ไม่คิดเหนื่อยเปล่าวิ่งไปไหนไกลให้ซื่อชวินก้าวสามทีถึงแล้วหิ้วปีกกันหรอก ท่าทางปรปักษ์เต็มเปี่ยมของลู่หานในสายตาซื่อชวินช่างน่ามันเขี้ยวที่สุด ซ้อนทับกับภาพเดิมในอดีตเป็นฉากๆ ครั้งเรายังตัวเล็กเท่าเอวด้วยกันทั้งคู่ขึ้นมาดื้อๆ

เมื่อก่อนนั้น ลู่หานตัวนิดเดียวแถมยังบางเหมือนกระดาษ หน้าหรือก็มีแต่เปื้อนสีที่ฝนติดมือ ผิดกับเขาที่เนื้อตัวมีแต่รอยแผลทั่ว ทว่าดวงตาเคยเปล่งประกายอย่างไรก็ไม่เปลี่ยน มันสุกสกาวแม้ไม่มีดาวบนฟ้ารอบตัวทอดเรื่องให้ชวนฝัน บัดนี้ไม่มีใบหน้าเปื้อนสีให้เห็นอีกแล้วแต่เจ้าดวงตาก็ยังวับวาวเสมอ

คนอายุมากกว่านึ่งปีถ้วนที่เล่นบทเป็นเพื่อนร่วมรุ่นจนเคยตัวอย่างซื่อชวินถึงได้กระตุกข้อมือเรียกสติให้ลู่หานเลิกมองทางอื่นแล้วหันมามองกัน เขาเอ่ยชัดย้ำคำที่เคยพูด ต้นเหตุที่เคยเป็นเรื่องร้อนใจอย่างไร วันนี้ร้อนรนเสียยิ่งกว่า จะให้บอกไหมเล่าว่าคุณนายแซ่อู๋รุกคืบกว่าเก่าไม่ส่งหญิงสาวมาดูตัวแล้ว แต่เห็นทีจะคิดมัดมือชกเอามาเทียบให้ถึงหน้าประตูห้องเลยต่างหาก

ไม่อยากแต่ง...จะไปแต่งได้อย่างไรเล่า ซื่อชวินไม่ยอมหรอก

“แลกกันไม่ได้หรือ” เขาเอ่ยขึ้น “ข้ายอมยืนนิ่งๆ ให้เจ้าเตะแล้ว เจ้ายอมทำตามที่ข้าขอไม่ได้รึ”

“ก็บอกเจ้าจนปากเปื่อยแล้วว่าไม่ได้ อย่างไรก็ไม่ได้เพราะไม่มีบ้านไหนเขายอมให้ลูกชายแต่งงานกันอย่างไรเล่าเกิดมาจนป่านนี้ข้ายังไม่เคยเห็น รึเจ้าอยากจะเป็นคนแรกที่ประเดิมกัน ไม่กลัวเขามองกันรึเอาไปนินทาหรือ เชื่อข้าเถอะน่า ไปบอกแม่เจ้าวะ

“ข้ออ้าง เจ้าก็รู้ว่าเรื่องนั้นหาใช่ปัญหาไม่ ปัญหามันอยู่ที่เจ้าไม่อยากช่วยข้าต่างหาก”

แทงใจดำเสียจนพูดไม่ออก บทซื่อชวินจะทำหน้าหงอยมันทำให้ลู่หานลำบากใจนัก

……

“ยิ่งเป็นเจ้าแม่ข้ายิ่งไม่กล้าว่า นางรักเจ้าเสียยิ่งกว่าลูกชายอย่างข้าใครๆ ก็รู้กันทั่ว”

“ตแต่ น้ำท่วมปากนักเถียงสิ เถียงไม่ออก!

“หรือจะให้ข้าเขียนสัญญาร่างข้อตกลงระหว่างเราเลยดีไหมเล่า?”

ซื่อชวินปล่อยมือจากลู่หานแต่ยังมิวายชำเลืองมอง เขาควักกระดาษที่พกติดตัวออกมาแล้วสะบัดน้อยๆ แบมือกระดิกยิกๆ ขอดินสอสักแท่งจากคนที่มั่นใจว่าอย่างไรก็ต้องมีติดตัวพลางเลิกคิ้วยามเจ้าตัวอิดออดไม่ควักให้ มองลู่หานที่ทำท่ากระฟึดกระฟัดไม่พอใจแล้วนึกขำ รับดินสอจากคนเล่นตัวมาได้ก็จั่วหัวไม่รีรอ

“ทำสัญญาอะไรของเจ้า ตกลงวันหย่าร้างรึอย่างไร?”

หนังสือสัญญาวิวาห์ระหว่างอู๋ซื่อชวินกับลู่หาน

ยังลู่หานยังไม่ได้บอกเสียหน่อยว่าตกลง เจ้าทึ่มนี่คิดเองเสร็จสรรพเขียนเน้นทุกคำด้วยลายมือเบี้ยวๆ เองทั้งนั้น ไม่คิดถามกันได้อย่างไรเล่า ไอ้ท่าทางตั้งอกตั้งใจแต่ตัวหนังสืองกๆ เงิ่นๆ ไม่น่าเชื่อถือสักนิด ดูลำบากเสียจนลู่หานถอนหายใจใส่หน้าพลางขยับเท้าเข้าหาแล้วหันหลังให้เป็นเชิงว่าถ้าไม่โง่นักก็ใช้หลังข้าแทนกระดาษเสีย

“แล้วเจ้าอยากหย่ากับข้าเมื่อใดล่ะ” ซื่อชวินถามขึ้นพลางรวบปลายผมของลู่หานให้รวมกันด้านหน้า มันนุ่มลื่นติดมือเสียจนเผลอจับ เขาทาบมือกับแผ่นหลังเล็กแคบของเพื่อนสนิท มุมปากติดรอยยิ้มน้อยๆ ที่หากลู่หานไม่หันหลังอยู่ก็คงอยากจะฟาดเขาอีกรอบ “ครึ่งปีมากไปหรือเปล่า แต่ข้าว่าหกเดือนก็น่าจะพอ ข้าน่าจะมีเวลาทำให้แม่

“จริงจัง จริงๆ หรือซื่อชวิน” ลู่หานจนปัญญาจะคิดคำใดมาหว่านล้อมซื่อชวินแล้ว คนง่วนกับการร่างสัญญาพลันชะงัก สัมผัสยุกยิกหยุดลง แทนที่ด้วยลมหายใจร้อนผ่าวเข้าแทรกบรรยากาศเย็นย่ำรอบตัว บ้านักรู้เต็มอกว่าได้วุ่นวายแน่แต่ลู่หานกลับตั้งท่าจะก้าวเท้าตามคำชักนำเข้าให้ “ไม่มีทางอื่นให้เจ้าเลือกแล้วรึ”

“ทางที่ข้าอยากเลือกแม่ข้าไม่อยากเลือกด้วยนี่”

“ป้าอู๋จะเกลียดข้าหรือเปล่า” ลู่หานถามเสียงค่อย ลาดไหล่ห่อแคบทันควัน

“ข้าจะกรอกหูพูดกล่อมให้แม่เกลียดข้าคนเดียวไม่ยอมให้พาลไปถึงเจ้าหรอก” 

คนทึ่ม ว่าพลางหัวเราะน้อยๆ คล้ายไม่คิดอะไร ซื่อชวินซุกหน้ากับไหล่ของลู่หานพลางพูดต่อ เขารู้ว่าลู่หานคงใจอ่อนจะแย่แล้ว หากไม่รีบเตรียมสุมเชื้อไฟประเดี๋ยวได้ชวดหมดเขาคงแย่แน่ คนตัวโตกว่าสูดลมหายใจฟอดใหญ่ยามถูคางกับไหล่ลู่หาน แสร้งพูดเสียงค่อย 

จะเรียกสินสอดเท่าใดข้าให้เจ้าไปคิดมาไปตามใจชอบ เงื่อนไขใดก็จะยอมตามใจเจ้าทุกอย่างเลยลู่หาน”

อู๋ซื่อชวินเจ้ามันคนเจ้าเล่ห์แถมยังร้ายนัก

แกล้งทำเป็นเชื่องแต่มิวายหว่านล้อมให้ลู่หานคล้อยตามทุกคำมันใช้ได้ซะที่ไหน แต่งงาน แต่งงาน วิวาห์ วิวาห์ ไม่เห็นว่าจะน่ารื่นรมย์แม้แต่น้อยมีแต่จะเพิ่มเรื่องหนักอกแต่ท้ายสุดลู่หานกลับหมดทางหนีไปต่อไม่รอด ถอนหายใจเสียจนรู้สึกว่าดิ้นไปทางใดไม่ได้เพราะถูกซื่อชวินต้อนจะเอาคำตอบไม่หยุด

รู้สิ รู้ประเดี๋ยวสงสัยว่าชีวิตจะไม่สงบแถมยังจะปวดหัวแน่ๆ แต่ลู่หานกลับยอมพยักหน้ารับไปซะได

หากซื่อชวินเป็นคนบอกว่าเขายอมลู่หานแล้ว และถึงคราวลู่หานต้องยอมเขาบ้างก็ถือเสียว่านี่จะเป็นคำขอข้อใหญ่ที่อู๋ซื่อชวินจะเรียกร้องได้ก็แล้วกัน และจะเป็นเพียงคำขอเดียวข้อสุดท้ายที่ลู่หานจะมอบให้ด้วยเช่นกัน จิตรกรตัวน้อยกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ลู่หานแตะมือซื่อชวินเบาๆ แล้วเอ่ย

ช่างเป็นการพูดที่อาจทำให้ระหว่างเราเปลี่ยนไปตลอดกาล

“เราจะเป็นเพียงสามีภรรยาในนามเท่านั้น ตกลงไหมซื่อชวิน”

“จเจ้าว่าอย่างไรนะลู่หาน” กลัวจะหูฟาด ตื่นเต้นเสียจนเก็บอาการไม่อยู่แล้ว“หมายความว่าเจ้ายอมแต่งงานกับข้าแล้วหรือ?! ยอมแล้วจริงๆ รึ!

“สัญญาระหว่างเราจบลงเมื่อใดเจ้าจะไม่วอแวเอาแต่ใจขออะไรกับข้าอีก?”

“แน่นอนอยู่แล้วข้าจะไม่ขออะไรเจ้าอีก เจ้าบอกให้ไปซ้ายข้าจะก็ซ้าย!

เจ้าหมาตัวโตรีบพยักหน้า ซื่อชวินไม่ได้คิดหรอกว่าในอนาคตข้างหน้าจะมีเรื่องใดหนักหนากว่าเรื่องที่กำลังเผชิญเขาถึงได้ดีใจสุดกู่แบบนี้ ชายหนุ่มพยักหน้ารับ การกระทำราวเป็นความเคยชินอย่างการรวบเอวลู่หานมากอดเกิดขึ้นรวดเร็วเสียจนคนถูกกระทำหน้าตื่นร้องให้ปล่อยแทบไม่ทัน

นอกจากทึ่มแล้วยังเก่งนักเรื่องเรียกสายตาชาวบ้าน!

สัมผัสนั้นวูบวาบและฉาบฉวย สมควรจะไม่ทิ้งร่องรอยใดให้นึกถึงแต่เพราะมันเกิดขึ้นในยามที่ระหว่างเรากำลังเปลี่ยนผันหรอกถึงได้ทำให้ลู่หานทำหน้าตลกขยับซ้ายขวาไปไม่ถูกแบบนี้ ทว่าคนพูดยากอย่างซื่อชวินหาฟังไม่ ยังกอดลู่หานแน่นๆ แทบคำขอบคุณที่ชวนให้ลู่หานอยากกระโดดหนีไม่หยุด

“ซซื่อชวินปล่อยเอวข้า!

“ก็ข้าดีใจ!

“แต่ข้ายังพูดไม่จจบ!

“โอ๊ยเนื้อข้าๆ ปล่อยแล้ว ข้ายอมแล้ว เอวหนาเหมือนหนังหมูจะไปน่ากอดอะไร ข้าเผลอดีใจก็เลยกอดเฉยๆ หรอก ทำหน้าอะไรของเจ้า นี่คิดจะทุบข้าอีกแล้วรึ หรือว่าอยากทำให้ขะ

“ทำเป็นเล่นอยู่เรื่อย ร่างสัญญาอยู่ไม่ใช่หรือ เช่นนั้นก็เขียนลงไปตัวใหญ่ๆ อีกข้อด้วย”

“ตามคำบัญชาพะย่ะค่ะ”

อย่าให้ตกสักตัวอักษาด้วยเล่า”

เจ้าอยากให้ข้าเขียนว่าอะไรดีล่ะ”

อู๋ซื่อชวินคลี่ยิ้มด้วยใบหน้ายินดีไม่หยุด เขาควงดินสอในมือพลางตบเท้ารอลู่หานพูด ไม่นานเลยในความจริงที่ลู่หานกอดอกคิด ดวงหน้าจิ้มลิ้มของเพื่อนตัวน้อยยังน่าบิดให้จมนิ้วเหมือนเคย ลู่หานไม่เคยปล่อยให้ซื่อชวินรอนานนักหรอก เจ้าตัวถึงได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่นที่ชวนให้เขาหยุดทุกการกระทำและฟังได้แบบนี้

“หกเดือนนับจากนี้หกเดือนเราจะหย่ากัน”

……

“ทางใครทางมันในฐานะสามีภรรยาแต่เราจะเป็นเพื่อนกันเสมอ, เจ้าตกลงรับคำขอข้าไหมล่ะซื่อชวิน”

คนร่างสัญญาพยักหน้าพลางเขียนทุกตัวอักษรที่ลู่หานบอก

ซื่อชวินมองปลายนิ้วก้อยที่ถูกยื่นให้ตรงหน้าก่อนยิ้มกว้างไม่คิดเก็บงำ พันธะรึสัญญาใดก็ตามที่เราเคยพูดกันไว้ยามเป็นเด็ก หรือไม่ว่าเมื่อใดยามต้องการคำมั่น นั่นคือสัญลักษณ์บอกแทนการกระทำว่าจะไม่คิดเบี้ยวหรือตระบัดสัตย์ เป็นเรื่องที่เรารู้กันเพียงสองคนตลอดมา 

องครักษ์ตัวยักษ์พยักหน้ารับ เขาเกี่ยวก้อยกลับไปส่วนเดียวกันพลางเขย่าน้อยๆ

“ตกลง แล้วหลังจากนั้นข้าจะปล่อยเจ้าให้เป็นอิสระ”


อิสรภาพในสถานะภรรยาที่ไม่ใช่เพื่อนสนิท








/
ดีใจจังเลยค่ะที่มีคนกดมาอ่านด้วย T_T 
ลงไว้เล่นๆ ไม่ได้คิดอะไรเลย ไม่ได้มีพล็อตอันแน่นเต็มหัวด้วย แต่เฟ้งฟ้างไม่รู้จะไปต่อเรื่องไหนดี เปิดเวิร์ดมาพิมพ์อีกเรื่องแต่ออกมาเรื่องนี้เฉยเลย เขียนเสร็จแล้วเลยเอามาลงซะเลย ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านนะคะ เราจะตามไปเฟปทุกแท็กเลยค่ะ #วาดหัวใจเขียนรัก 

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม