180 days before we break up | บทนำ
180 days before we break up #วาดหัวใจเขียนรัก
Period, mpreg
ตลอดยี่สิบห้าปีที่ผ่านมานั้น นอกเสียจากกระดาษวาดรูปแผ่นใหญ่ ด้ามพู่กันนับสิบ
และถาดสีรอบตัว ล้วนไม่มีเรื่องใดสักอย่างที่รบกวนจิตใจเขาได้มากเท่าเรื่องที่เพิ่งผ่านหูเลยแม้แต่น้อย
ยามตนวางพู่กันด้ามโปรดที่ถูกแต้มสีลงในแก้วน้ำเย็นจัดนาทีนั้น ‘ลู่หาน’
เพิ่งจับความรู้สึกที่เริ่มปะทุในอกได้ขึ้นมาดื้อๆ
ไม่อยากทวนหูย้ำความทรงจำเมื่อครู่สักเท่าไรหรอกว่าเพิ่งได้ยินอะไรมา
สารภาพจากใจเลยเถิดว่าหวังจากใจว่าสีหน้าตนคงพอบอกให้ ‘เจ้าทึ่ม’
ที่เก่งแต่เพียงใช้กำลังและสมองเท่าเม็ดถั่วเอะใจคิดสักนิดว่าเรื่องที่พ่นออกจากปากนั้นแสนจะบ้าสุดโต่งแต่ดูท่าจะไม่มีเค้าความสำนึกสักนิดจนน่าปวดหัว
ย้ำบอกตนเองในใจให้เบาหนอเบาเถิดอยู่นาน
ไม่อยากจะมองให้เกะกะสายตาเสียหรอกว่าไอ้แววตาเป็นประกายคล้ายมีหวังเต็มอกมันน่าบิดให้หูเขียวหรือไม่ก็เตะขาให้ล้มพับนัก ลู่หานถอนหายใจไม่ไว้หน้า
แสร้งทำท่าแคะหูพลางเอียงคอถามซ้ำให้สะกิดหัว ‘คนทึ่ม’ ไปทีไม่รอช้า
“ไหน…ขอข้าฟังเจ้าพูดให้ชัดอีกสักทีสิ”
“มีคำไหนข้าพูดไปแล้วทำให้เจ้าฟังไม่เข้าใจอีกหรืออย่างไร”
เขาทำหน้าระอาเต็มกลืน มีอย่างที่ไหนตบโต๊ะดังตึงเสียจนน้ำกระฉอกเล่า! “เจ้าก็รู้ว่าปีนี้ข้ายี่สิบหก
ถึงตำแหน่งข้าจะไม่ได้ใหญ่โตแต่ก็ใช่ว่าขี้ริ้วขี้เหร่อะไร จำได้ไหมล่ะว่าเจ้าเปียนป่ายอะไรนั้นเพิ่งแต่งงานไปเมื่อต้นปี
ร้อนถึงหูแม่ข้ารีบใส่พานหาสาวๆ มาให้เลือกจนตาลายไปหมด แต่เจ้าก็รู้… โธ่ ลู่หาน ข้าก็บอกเจ้าตลอด เช่นนั้นแล้วจะยอมแต่งงานกับใครอื่นได้หรือ”
“พร่ำเพ้อเสียเหลือเกิน อย่ามาเฉไฉน่า ที่ข้าอยากได้ยินหาใช่คำนี้ไม่”
“ข้าแค่กำลังทวนความหลัง”
“เจ้ากำลังเพ้อเจ้อเสียมากกว่า”
“เรียกว่าพรรณาเท้าความไม่ดีกว่าหรือ”
“เก่งแต่จับดาบรึถึงพูดไม่รู้เรื่องนัก
อย่าลีลาซื่อ…”
“ซื่อชวิน” มันน่านักเชียว! จำต้องพูดซ้ำด้วยหรือ? “ข้ารู้ว่าเจ้าจะเรียกชื่อข้า”
“เจ้านี่มัน…”
ลู่หานตวัดสายตามอง ‘อู๋ซื่อชวิน’ ทันควัน
ง้างมือเตรียมฟาดสักปาบแล้วด้วยเถิดหากไม่ติดว่าเจ้านั่นขยับตัวไปไกลเกินกว่าจะเอื้อมถึง
ไอ้สีหน้าแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราวคล้ายเด็กไร้เดียงสามันชวนให้เท้ากระตุกนัก
การกระทำไม่ร้อนรนของเขาช่างตรงข้ามกับลู่หานราวกับอยู่คนละโลก
อู๋ซื่อชวิน ระบายยิ้ม เขายกมือทำทีว่ายอมแพ้หมดท่า
สาวเท้าไม่รีบร้อนทั้งที่ในใจกำลังเต้นเร่ากับคำตอบที่รอฟังไม่เบายามนั่งลงตรงหน้าลู่หานอีกหน
รีบมาพบหน้าหลังจากออกมารั้ววังก็เพราะเรื่องสำคัญมันกวนใจและนึกถึงเจ้าตัวก่อนเป็นที่หนึ่งอย่างทุกทีหรอกถึงได้มานั่งเสนอหน้าให้ลู่หานขัดใจเล่นอยู่แบบนี้
เรื่องทั้งหมดที่เล่าเสียยาวนั่นก็หาได้กุเรื่องว่าความเท็จไม่
ซื่อชวินกุมมือลู่หานไว้ราวกับกำลังวอนขอว่าเรื่องที่เคยพูดไปเขาหาได้ล้อเล่นไม่
มันยุบยิบอยู่ในใจเสียจนไม่รู้จะลากใครเข้ามาข้องเกี่ยวในเรื่องชวนหัวนี้
จะยามใดก็พลันนึกถึงแต่ลู่หานมันทุกทีจนต้องบากหน้าเอาเรื่องมาฝากวอนให้ช่วยเสียทุกครั้ง
“ข้ารู้แล้วลู่หาน ข้ารู้ดีเลยว่าขยันหาเรื่องปวดหัวมาให้เจ้าตั้งแต่ยังเล่นดีดหินตอนตัวกะเปี๊ยกเดียว
ขนาดตอนนี้ข้าตัวใหญ่เป็นยักษ์ถูกเจ้าด่าว่าเก่งแต่ควงกระบองก็ยังมิวายหาเรื่องใส่หัวเจ้าอีก
แต่ข้าปักใจไปแล้วเจ้าก็รู้ไม่ใช่หรือ ขอแค่แม่ข้าล้มเลิกความคิดนั้นได้เมื่อไร
เรื่องของ ‘เรา’ ที่ข้ารบเร้าเป็นอันจบไม่ดีหรือ”
เป็นอันจบ พูดได้ง่ายสมเป็นซื่อชวินนัก
ลู่หานเบือนหน้าหนี
ไม่ได้ระอาใจจนต้องถอนหายใจคลายความอัดอั้นแล้ว
แต่หนักใจแถมยังเมื่อยเกินกว่าจะเถียงกับเจ้าคนสมองเท่าหัวเม็ดถั่วงอกซะมากกว่า
จิตรกรมือดีของเมืองหลวงจนตรอกจนกลุ้ม
ยิ่งสบตากับซื่อชวินลู่หานยิ่งรู้สึกว่าหากพลาดท่ารับปากไม่แคล้วชีวิตนับจากนั้นคงโกลาหลเสียจนจำจนตายแหง
…เพราะเรื่องที่ออกปากขอมันไม่ได้ง่ายเหมือนการวาดรูปสักผืนเนี่ยสิ…
…จะจับเส้นมาชนสีให้รอดจนสวยหลอกใครมันจะทำได้อย่างไรเล่า…
แสนทึ่ม เห็นทีจะมีดีแค่กล้ามตามตัวจริงๆ น่ะสิ!
“ป้าอู๋แม่เจ้านางไม่ได้ซื่อบื้ออย่างเจ้าซะเมื่อไร
เอาข้าไปหลอกเล่นแล้วมีอะไรจะรับประกันได้ว่าป้าอู๋จะไม่ขนขบวนแม่นางทั้งหลายมาให้เจ้าเลือกอีกเล่า
ทางที่ดีเจ้าไปบอกแม่เจ้าไม่ดีกว่าหรือว่าตอนนี้เจ้าไม่สนใจผู้ใดก็เพราะหัวใจเจ้ามะ…”
“แต่งงานกับข้าเถิดลู่หาน!”
เกือบแล้ว…เกือบลืมแล้วเชียว
“……”
“ข้าให้สัญญาว่าจะไม่ผูกมัดอะไรเจ้าทั้งสิ้น
ถือเสียว่าลมปากระหว่างกันเป็นสัญญาหนึ่งฉบับเอาก็ได้ หรือหากแม่ข้านางอยากได้หลักฐานใดยืนยันเราก็ไปแจ้งอำเภอหรือไม่ก็เลี้ยงส่งแขกประกาศให้ทั่วเมืองว่าจะเป็นผัวเมียกันไปเลยก็ได้
นะ…นะลู่หาน…”
ทุกคำพูดที่เอ่ยค้างไว้ก่อนหน้าพลันถูกกลืนลงคอพร้อมสายตาหนักอกที่เด่นชัดบนใบหน้าลู่หานเข้าแทนที่ นอกจากมือจะถูกกุมแน่น เจ้าเพื่อนยากอย่างอู๋ซื่อชวินยังรั้งมือไปแนบอกดังปักแล้วพูดกระชากเสียงดังวอนขอกันโต้งๆ
ไร้คำมื่นชื่นว่า ‘แต่งงานกัน’ ที่พูดมาอย่างน่าไม่อายกลางศาลาอีก!
“เจ้ามีหูไว้คั่นหัวจริงๆ รึอู๋ซื่อชวิน!”
เพราะลู่หานน่ะเลิ่กลั่กจนไม่รู้จะวางคอเอาหน้าไปไว้ที่ใดแล้วเถิด!
ถูก…ถูกแล้ว ไอ้คำที่ขอให้พูดอีกทีจะเป็นคำใดหากไม่ใช่ประโยคนี้เล่า!
“แน่นอนว่าหัวข้าที่ถูกหูคั่นมันคิดว่าจนแทบระเบิดแล้ว!”
“จ…เจ้า…”
“ได้โปรด ข้าขอร้อง นะ…แต่งกับข้า แต่งงานกันนะลู่หาน”
ตอนนั้นเองที่ลู่หานเพิ่งครุ่นคิดกับตนเองได้ข้อหนึ่ง
ตลอดยี่สิบห้าปีนับจากนั้นของตน เห็นทีว่าคำว่า ‘แต่งงาน’
จะเป็นเรื่องกวนใจเรื่องใหญ่เสียแล้ว
พันธะสัญญาลมปาก
ไร้ลายลักษณ์อักษรในแรกเริ่มมันช่างสิ้นคิดนักเสียยิ่งกว่าเรื่องใด ก่อนจะทำให้ ‘เรา’
ทั้งสองคนตระหนักรู้ในตอนท้ายของความสัมพันธ์บิดเบี้ยวนี้ในที่สุด — ว่า ‘เรื่องโกหก’
ที่ไม่ควรเอาหัวใจหรือตัวของผู้ใดมาเกี่ยวแท้จริงแล้วไม่ได้จบง่ายอย่างคำที่ซื่อชวินสมอ้างแม้แต่น้อย
แต่งงานกันใครว่าเป็นจุดสิ้นสุดเล่า สำหรับเรามันยังไม่ได้เริ่มสักนิด
ไอ้ทึ่มเอ๊ย…อู๋ซื่อชวิน!
/
#วาดหัวใจเขียนรัก
น่าสนุกดีนะ ขอแต่งงานกันเล่นๆแบบนี้เลยหรอ น่าสนใจพล๊อตใหม่ดีค่ะ
ตอบลบ